ลิเวอร์พูล2.0กำลังเดินไปบนถนนแห่งความหวัง

ลิเวอร์พูล เจอร์เก้น คล้อปป์ ทยอยส่งเด็กดาวรุ่งลงสนามในช่วงที่เกมพ้นจากความเสี่ยงใดๆ แล้ว

โอเว่น เบ็ค วัย 21 ในตำแหน่งแบ๊กซ้าย

บ๊อบบี้ คล้าร์ก วัย 18 ในตำแหน่งกองกลาง

เคด กอร์ดอน วัย 19 ในตำแหน่งกองหน้า

เหตุผลของการเปลี่ยนตัวครั้งนี้ชัดเจน ให้เด็กได้เตรียมพร้อมก่อนลงสนามอีกครั้งในฟุตบอลถ้วย 2 รายการที่กำลังจะมาถึง

ลีก คัพ รอบตัดเชือกนัดที่สองกับฟูแล่ม และ เอฟเอ คัพ รอบสี่ กับ นอริช ซิตี้

เมื่อสถานการณ์เอื้อ คล็อปป์ไม่ลังเลที่จะทำในสิ่งที่เป็นรายละเอียดปลีกย่อย บอลยังเตะกันอยู่ที่บอร์นมัธ แต่เขาวางแผนถึงเกมต่อไปแล้ว

การที่มีศึกใหญ่กับ เชลซี และ อาร์เซน่อล รออยู่หลังบอลถ้วย 2 รายการทำให้ทุกการตัดสินใจต้องรอบคอบที่สุด ขุมกำลังเวลานี้ใหญ่พอก็จริงแต่ทุกคนก็ไม่ได้อยู่กันพร้อมหน้าอยู่ดี

เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ แอนดี้ โรเบิร์ตสัน โดมินิก โซโบสไล ยังเจ็บ วาตารุ เอนโด รับใช้ชาติ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ เจ็บจากรับใช้ชาติเดินทางกลับมารักษาที่สโมสร ยังไม่แน่ว่าจะต้องไปเนชั่นส์ คัพรอบลึกๆ อีกไหม

เพราะฉะนั้นรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ต้องเก็บให้หมด ใช่ว่าประมาทหรือดูแคลน บอร์นมัธ แต่สกอร์ 3-0 และเหลือเวลาอีกแค่ 7 นาทีทุกอย่างอยู่ในมือหมดแล้ว การปล่อย เบ็ค กับ คล้าร์ก ลงน้ำก่อนสมทบด้วย กอร์ดอน ในช่วงทดเวลาทำให้ทั้ง 3 คนมีเกมจริง และสามารถเป็นตัวเลือกได้ในเกมกับฟูแล่มและนอริช ซิตี้ ไม่ว่าจะในฐานะไหน

นั่นทำให้ตัวหลักมีโอกาสได้พักไม่ต้องกรำศึกมากก่อนเกมฟัดกับสิงโตน้ำเงินครามและปืนใหญ่ที่เป็นเดิมพันสำคัญ

กับเกมที่ไวทัลลิตี้ สเตเดี้ยม หลังครึ่งแรกอันน่าอึดอัด คล็อปป์กำชับลูกทีมให้กระตือรือร้นขึ้น เข้มข้นขึ้น เดินหน้าบดขยี้มากขึ้น เขาให้สัมภาษณ์หลังจบเกมว่าลูกทีมตอบสนองความต้องการเขาเป็นอย่างดี โดยเฉพาะเกมเคาน์เตอร์เพรสซิ่งหรือไล่บีบแย่งบอลกลับมาครองโดยเร็วตั้งแต่แดนคู่แข่งที่ทำงานเต็มสูบอีกครั้งในช่วง 45 นาทีหลัง

ประตูขึ้นนำ 1-0 ของ ดาร์วิน นูนเญซ ก็เกิดขึ้นในเวลาที่เหมาะสมด้วย มันทำให้ความมั่นใจสวิงแบบไปกลับ จั่วหัวมาแค่ 4 นาทีในครึ่งหลังก็ยิงนำได้อย่างนี้ช่วงเวลาที่เหลืองานของบอร์นมัธน่าหนักใจกว่า

บอลเตะยาวจากแดนตัวเองแบบเกือบๆ จวนตัวของ อิบู โกนาเต้ นั้นมีเป้าหมายไม่ใช่การหวดทิ้งส่งเดช จังหวะนี้เบสิกของ เคอร์ติส โจนส์ มีบทบาทอย่างมากเมื่อเขาพักอกอย่างนิ่มนวล บอลตกตรงหน้าไม่กระฉอกไปไหนเลยทำให้เล่นต่อได้ทันที

และเมื่อเป้าหมายจากบอลจังหวะเดียวของโจนส์คือ ดีโอโก้ โชต้า มันก็ยิ่งสมบูรณ์ขึ้นไปอีกเพราะโชต้าไม่ใช่นักเตะที่เอาบอลอยู่กับตัวนาน เขาแทบจะมีภาพของ โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ ซ้อนทับอยู่ในแง่เซนส์บอลอันชาญฉลาดรู้ว่าจังหวะไหนควรทำอย่างไร

ถ้าควรส่ง.. ก็ส่ง ถ้าควรเลี้ยง.. ก็เลี้ยง ถ้าควรยิง.. ก็ไม่ลังเลที่จะสับไกยิง คล้ายทำทุกอย่างถูกต้องไปหมด แฟนบอลลิเวอร์พูลจึงมักจะสบายใจเสมอกับการตัดสินใจของดาวเตะโปรตุกีสชนิดที่ว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงเลย

บอลชิ่งจังหวะเดียวเข้าเขตโทษของโชต้าไม่มีทางที่กองหลังบอร์นมัธจะอ่านได้ทันเลย บอลไปถึงเท้าของดาร์วินแล้วด้วยซ้ำตอนที่เซนเตอร์แบ๊กของเจ้าถิ่นรู้ตัวว่าถูกเบิ้ลย้อนศรด้วยบอลชิ่งเร็ว

ที่เหลือคือการลุ้นของเดอะค็อปอย่างเดียว เพราะภาพที่ติดตัวดาร์วินมาตลอดคือคนที่ใช้โอกาสเปลืองอย่างน่าหงุดหงิด บอลที่ต้องเข้าร้อยเปอร์เซนต์ก็เหลือแค่หกสิบ บอลที่มีโอกาสเข้าเจ็ดสิบเปอร์เซนต์ก็เหลือแค่สามสิบ

จังหวะหลุดเดี่ยวลูกนั้นโอกาสเข้าต้องระดับเก้าสิบเปอร์เซนต์ ถ้าเป็นดาวยิงที่ชัวร์ๆ ทั้งหลายจะพูดว่าใส่สกอร์ล่วงหน้าไว้ได้เลยก็ไม่ผิด เพียงแต่ด้วยความเป็นดาร์วิน เดอะค็อปจึงต้องลุ้นกันหน่อย

กระนั้นการส่งบอลเข้าสู่ก้นตาข่ายของหัวหอกอุรุกวัยก็ทำได้เยี่ยมแบบเนียนตา มันเป็นจังหวะยิงแบบอัตโนมัติ ส่งบอลเรียดหนีนายทวารไปเข้าเสาไกล ไม่ต้องแรงแต่ทิศทางชัดเจน นี่คือจังหวะสังหารแบบที่แฟนบอลอยากเห็น

กำลังใจจากเดอะค็อปนั้นมีให้ ดาร์วิน นูนเญซ เสมอ แม้จะพลาดโอกาสง่ายๆ หลายครั้งที่ผ่านมา ด้วยความพยายามและขยันทุ่มเทของเขานี่แหละ

แฟนบอลหงส์แดงบอกว่าเรารอคุณได้ ยิ่งถ้าคล็อปป์รอได้ พวกเราก็ยิ่งไม่มีเหตุผลว่าทำไมถึงจะไม่รอ

ทั้ง 4 ประตูของลิเวอร์พูล ดาร์วิน มีส่วนร่วมทั้งหมด เป็นการทำประตูโดยตรง 2 ลูก และเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างโอกาสอีก 2 ลูก การเข้าแย่งบอลจนทะลักไปเข้าทาง โกดี้ คักโป ไหลให้โชต้าสับไกทำให้ทีมได้ประตู 2-0 การกระชากถึงเส้นหลังแล้วโยนล้นไปนอกเขตโทษแต่ คอเนอร์ แบร๊ดลี่ย์ เก็บตกมาเปิดให้โชต้ายิงก็ทำให้ทีมได้ประตู 3-0

รวมทั้งการเข้าชาร์จลูกโยนที่แม่นยำราวจับวางของ โจ โกเมซ เป็นประตูปิดท้าย 4-0

เขามีเกมที่ดีในระดับลุ้นแมนออฟเดอะแมตช์ได้เลยเหมือนกัน ไม่มีจังหวะผิดพลาดง่ายๆ ในการทำประตูให้เห็น และหวังว่ามันจะเป็นจุดเริ่มต้นของการทำประตูอย่างมั่นใจ

การเปลี่ยนตัวของคล็อปป์ยังทำได้ฉมังเหมือนเคยกับขุมกำลังเวลานี้ ด้วยคุณภาพระหว่างตัวจริงกับตัวสำรองไม่หนีกันเกินไป คักโป แทน หลุยส์ ดิอาซ และ ไรอัน กราเฟนแบร์ก แทน ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ หลังผ่านหนึ่งชั่วโมงของเกมล้วนทำให้การเล่นสดชื่นมีพลังขึ้น

ฟุตบอลดีๆ ของบอร์นมัธสู้กับลิเวอร์พูลได้ในแบบที่สุดท้ายก็เป็นเก่งใหญ่เจอเก่งเล็ก อันโดนี่ อีราโอล่า นายใหญ่เดอะเชอร์รี่ส์ยอมรับว่าทีมของเขารับมือกับความเข้มข้นที่ทะลักปรอทของลิเวอร์พูลในครึ่งหลังไม่ได้เลย

นายใหญ่ชาวสเปนไม่ได้พูดถึงเงื่อนไขอีกหนึ่งข้อที่สำคัญเช่นกัน เขาคงไม่อยากนำมันมาเป็นข้ออ้างแต่ทีมเล็กๆ อย่างบอร์นมัธนั้นผู้เล่นมีให้ใช้อย่างจำกัด การเสียนักเตะสำคัญๆ อย่าง อองตวน เซเมนโย่ กับ ดานโจ ออตตาร่า ที่ไปเล่นทีมชาติ และ มาร์กอส เซเนซี่ ที่ติดโทษแบนจึงส่งผลชัดเจนต่อการเปลี่ยนตัวของเขา

ตัวเลือกข้างสนามของบอร์นมัธมีคุณภาพจำกัด นี่คือความแตกต่างอีกข้อสำหรับทั้ง 2 ทีม

ลิเวอร์พูลทำภารกิจของตัวเองได้สำเร็จ มันงดงามด้วยชัยชนะสวยหรูเกินคาดที่มาจากความเด็ดขาด ความกระฉับกระเฉง และการปรับจังหวะให้เร็วขึ้นในครึ่งหลัง มันน่าพอใจไม่เพียง 3 คะแนนที่เก็บได้เท่านั้นแต่ยังลบความไม่มั่นใจจากภาพจำที่ปราชัยในสนามแห่งนี้เมื่อฤดูกาลที่แล้วออกไปได้อย่างหมดจดด้วย

เจอร์เก้น คล็อปป์ กับลิเวอร์พูล 2.0 ของเขากำลังเดินไปบนถนนแห่งความหวัง ทุกย่างก้าวล้วนหนักแน่นและเรียนรู้ ยังมีความท้าทายที่น่าตื่นเต้นรออยู่อีกมากจริงๆ

ขอขอบคุณบทความจาก : ลิเวอร์พูล